FiiO X7 Mark II
Fiio X7 Mark II รองรับไฟล์เพลงที่หลากหลาย สามารถเล่น DSD แบบ Nativeได้ รองรับไฟล์ lossless หลากหลายเช่น WAV,FLAC,APE,ALAC,AIFF,WMA,MP3,OGG ,และไฟล์อื่นๆ รวมไปถึงไฟล์เพลงระดับสูงอย่างพวก DSD,DXD,DSD64/128 กับ PCM ก็ยังรองรับสูงสุดถึง 384kHz/32bit
เป็นรุ่นท๊อปสุดของ FiiO ต่อยอดมาจาก X7 เดิม มีการปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และมีการปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าเล็กน้อย ตัวถังเป็น CNC Aluminium Alloy ที่ขึ้นรูปมาสวยงามน่าจับน่าสัมผัสยิ่งขึ้น งานประกอบนั้นแน่นหนาน้ำหนักเบาอยู่ที่ 212g
มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในมาให้ถึง 64GB และช่องเสียบ micro-SD card ถึงสองช่อง ในแต่ละช่องของ micro-SD card รองรับการ์ดความจุสูงสุดถึง 256GB ต่อการ์ด
สำหรับรุ่นนี้ยังสามารถถอดเปลี่ยน Module Ampได้เหมือนเดิม โดยตัวที่ติดมากับตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบบ Balanced Type AM3A มีช่องเสียบหูฟังแบบ Balanced2.5mm ได้เลย
รองรับ OutPut แบบ Digital ทั้ง coaxial output และ optical output
X7 Mark II ได้เลือกใช้ชิป DAC ระดับเรือธงอย่าง ES9028PRO ซึ่งมักจะพบได้ในเครื่องเล่นระดับหลายหมื่นขึ้นไป ซึ่งเป็น 8 Output Channels ที่มีค่า Stereo SNR สูงถึง 129dB S/N ratio ในขณะที่ THD+N ต่ำกว่า -120db แต่ทาง FiiO ได้จับมาอยู่ใน FiiO X7 Mark II ในราคาที่สามารถจับต้องเป็นเจ้าของได้ ตัว DAC นี้ให้กำลังขับที่เหลือเฟือ Dynamic ดี และ Soundstage กว้าง อีกทั้งช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้น การวางตำแหน่งชิ้นดนตรีต่างๆจะแม่นยำมากขึ้น เสียงจะได้รายละเอียดและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
FiiO X7 Mark II มาพร้อมกับ amp module แบบใหม่คือ AM3A สเปคไกล้เคียงกับ AM3 ซึ่งมีช่องหูฟังมาให้ 2 แบบ คือ แบบธรรมดา 3.5 กับแบบ 2.5 balanced output ในตัว สำหรับ AM3A นั้นได้เลือกใช้ชิปที่มีชื่อเสียงอย่างกว้างขวางอย่าง AD8620 และ OPA926 op-amp ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับ FiiO X7 Mark II ซึ่งทางวิศวกรของ FiiO ได้ทำการดีไซน์ ออกแบบและทดสอบมามากมายทั้งรูปร่างหน้าตา แผงวงจรภายใน จนได้เสียงที่พึงพอใจก่อนวางจำหน่าย
หน้าจอแบบทัชสกรีน IPS TFT 3.97 นิ้ว มี Resolution อยู่ที่ 480 x 800 ที่แสดงผลได้ถึง 16.7 ล้านสี 233 PPI ที่ให้หน้าจอที่คมชัดแสดงสีสันได้อย่างสวยงาม ใช้ CPU Quad-Core Cortex A9 SoC Rockship RK3188 และ Ram 2 GB DDR3L
มีWifi เพื่อดาวน์โหลด Application และ Update Firmware ได้ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz
มาพร้อมกับ Bluetooth 4.1 แบบ Low Latency ที่รองรับ apt-X ที่ให้คุณภาพสัญญาณที่ดีเยี่ยมอีกด้วย
มาพร้อม Android 5.1 แบบพิเศษ
เป็นระบบ Android 5.1 ที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษให้เหมาะสำหรับการเล่นเพลงโดยเฉพาะ มีการตอบสนองได้ไวกว่า ทำงานไวกว่า ลื่นไหลกว่า ถ้าเทียบกับ Android 5.1 แบบเดิมๆ สามารถเล่นได้2ระบบ
Pure Music Mode สำหรับในโหมดนี้ก็จะมีเฉพาะเมนูหน้าต่างสำหรับการเล่นเพลงอย่างเดียวเท่านั้น
จะไม่มี apps โปรแกรมอื่นๆทำงาน จะลื่นไหลกว่าเสียงดีกว่าเพราะไม่ถูกโปรแกรมหลายตัวรบกวนการทำงาน
Android Mode โหมดอันนี้ผู้ใช้งานสามารถติดตั้งและลงโปรแกรม app ได้อย่างอิสระ
โดยโหลด Application ต่างๆจาก Playstore มาลงได้เลย รวมถึง Music Streaming อย่าง Tidal,Joox,Spotify และ Apple Music และยังเล่น Internet,Youtube,facebookได้อีกด้วย
แบตเตอรี่ สามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 9 ชั่วโมง และใช้ระยะเวลาในการชาร์จประมาณ 3 ชั่วโมง
ขนาด กว้าง 67.2mm สูง128.7mm หนา15.5mm
น้ำหนัก 212 g
แวะมาทดลองเสียงได้ครับที่ห้างเดอะมอลล์งามวงค์วาน ชั้น5
สั่งซื้อสินค้าได้ 5ช่องทาง
1. ซื้อได้ที่ห้างเดอะมอลล์งามวงค์วาน ชั้น5
2. ทางข้อความ(Inbox)
3. LINE ID: charun980
4. https://www.speakerboxthai.com/
5. Email: charun980@gmail.com
หรือ โทร 095-596-2888